7 เรื่องเฮลท์ตี้ ที่คุณ เข้าใจผิด มาตลอดและคิดว่ามันทำให้ สุขภาพดี

ทุกคนล้วนอยากเป็นคน สุขภาพดี ต่างก็สรรหาวิธีที่จะทำให้ร่างกายมี สุขภาพดี
ที่สุด เพอร์เฟ็คท์ที่สุด ทั้งที่หารู้ไม่ว่า
ความเชื่อต่างๆที่สุดฮิตที่คุณเคยเชื่อน่ะ มันมีเรื่องที่ผิดด้วยนะเออ!
ลองมาเช็คกันหน่อยซิว่า มีเรื่องไหนที่คุณเชื่อไปแล้วบ้าง

1.ชั่งน้ำหนักทุกวัน

การชั่งน้ำหนักเป็นครั้งคราวนั้นเป็นเรื่องปกติค่ะ
แต่ถ้าคุณชั่งน้ำหนักทุกวันจนเป็นชีวิตจิตใจอาจจะทำให้คุณเครียดและคิดมาก
ได้ แถมที่สำคัญ น้ำหนักของเรานั้นเปลี่ยนตลอดเวลา เนื่องจากปริมาณน้ำ
น้ำตาล ที่คุณรับเข้าไปในแต่ละวันนั้นต่างกัน
เพราะฉะนั้นอย่าให้ตัวเลขที่ตราชั่งเป็นตัววัดทุกอย่างในชีวิต

2.นอนมากๆ เข้าไว้

เราหลับเพื่อมีชีวิตรอดเท่านั้น มนุษย์ส่วนใหญ่ไม่ได้หลับครบ 8
ชั่วโมงตามที่บทเรียนที่เรียนมาหรอก นั่นก็เพราะ การนอนมากจนเกินไปนั้น
จะทำให้คุณยิ่งเหนื่อยและเฉื่อยชามากยิ่งขึ้น

3.มี Cheat day เมื่อลดความอ้วน

การมี cheat day นั้นเหมือนเป็นกำลังใจให้สำหรับคนที่ลดความอ้วน
เพื่อให้มีพลังในการลดความอ้วนต่อไป แต่หารู้ไม่ว่า Cheat day
นี่ล่ะคือสิ่งที่ทำให้คุณลดน้ำหนักได้ยาก เพราะเป็นการตามใจตัวเองจนทำให้การเริ่มลดน้ำหนักในวันใหม่นั้นเป็นไปได้ยากขึ้น

4.ใช้สารให้ความหวานแทนน้ำตาล 

น้ำตาลเทียมที่บ่งบอกว่า มีแคลอรี่แค่เพียง 0% นั้น
อาจจะล่อใจให้สาวๆลดความอ้วนนั้นหยิบซื้อได้ง่ายๆ แต่หารู้ไม่ว่า
เจ้าน้ำตาลเทียมนั้นมีเคมีอื่นๆ จำนวนมาก ซึ่งหากมองตามหลักสุขภาพดีแล้ว
การกินน้ำตาลปกตินั้น ปลอดภัยกว่าเยอะ

5.เคี้ยวหมากฝรั่งแก้หิว

ความคิดที่เชื่อว่าการเคี้ยวหมากฝรั่งนั้นช่วยแก้อาการหิวได้
หากแท้จริงแล้วนอกจากหมากฝรั่งจะทำร้ายสุขภาพฟันของคุณแล้ว
ยังทำร้ายระบบย่อยอาหารของคุณด้วย เมื่อเคี้ยวหมากฝรั่ง
สมองจะสั่งให้ร่างกายตอบสนองด้วยการหลั่งกรดในท้องที่ใช้เพื่อย่อยอาหาร
เมื่อไม่มีอาหารในท้อง ก็จะเกิดอาการท้องอืดนั่นเอง เพราะฉะนั้นหากคุณหิว
หาอะไรกินเข้าไป แทนที่จะเคี้ยวหมากฝรั่งดีกว่านะ

6.งดแป้ง

คงไม่ดีแน่ หากคุณเป็นโรคขาดสารอาหารเช่นคาร์โบไฮเดรต แทนที่จะงดไปเลย แนะนำให้เลือกข้าวกล้อง ขนมปังโฮลวีท แทน

7.งดไขมัน

อย่ามองว่าไขมันนั้นทำร้ายร่างกายคุณไปซะหมด
ไขมันยังดีกับร่างกายคุณอยู่ดี
แต่ไม่ได้หมายความว่าให้คุณไปกินเฟรนช์ฟรายหรือของทอดทุกชนิด
หากแต่หมายถึงไขมันดีใน อะโวคาโด แซลมอน น้ำมันมะพร้าว ต่างหาก

 

 

ที่มา elitedaily